top of page

คู่มือการทำความสะอาดและดูแลสเตนเลสสำหรับลูกค้า

สเตนเลสเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงและไม่เกิดสนิมง่าย แต่เพื่อให้คงสภาพที่ดูสวยงามไปนาน ๆ ควรมีการทำความสะอาด และดูแลอย่าง เหมาะสมตามลักษณะของคราบต่าง ๆ บนพื้นผิวของสเตนเลส  โดยสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปในการทำความสะอาด  โดยนี้คือวิธีการทำความสะอาดคราบแต่ละประเภทอย่างละเอียด

คำแนะนำในการดูแลรักษาสเตนเลส

  1. ทำความสะอาดทันที เมื่อเห็นคราบเปื้อน หรือฝุ่นเกาะ 

  2. เริ่มด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนที่สุด เช่น น้ำสบู่อ่อน ๆ หรือน้ำยาล้างจาน ก่อนใช้น้ำยาที่แรงกว่า และทดลองทำความสะอาดเฉพาะจุดเล็ก ๆ ก่อนเพื่อความมั่นใจ 

  3. เช็ดให้แห้งหลังการทำความสะอาด เพื่อป้องกันคราบน้ำเกาะและการเปลี่ยนสี

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการทำความสะอาดสเตนเลส

  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มี "คลอไรด์ (Chlorides/Cl)" หรือ "เฮไลด์ (Halides)"

    • ผลิตภัณฑ์ที่มีคลอไรด์ (Chlorides/Cl) พบในน้ำยาฟอกขาวหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้กำจัดเชื้อโรค เช่น เป็นส่วนผสมในน้ำยาฟอกขาว น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงเพราะอาจจะส่งผลทำให้สเตนเลสเกิดรอยหรือกัดกร่อนได้  

  • อย่าใช้ "กรดไฮโดรคลอริค หรือ กรดเกลือ (Hydrochloric Acid/HCl)”

    • กรดไฮโดรคลอริค (Hydrochloric Acid) มักพบในน้ำยาขจัดคราบปูนซีเมนต์หรือคราบตะกรันในงานก่อสร้าง ซึ่งกรดนี้จะกัดพื้นผิว และทำให้สเตนเลสเป็นรอยลึก หากต้องทำความสะอาดคราบปูนหรือคราบตะกรัน แนะนำให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำแทน

  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องเงิน

    • ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาสำหรับเครื่องเงิน เพราะอาจจะมีสารเคมีที่อาจทำให้สเตนเลสเกิดรอยด่างหรือกัดกร่อน 

  • อย่าใช้สบู่หรือน้ำยาล้างจานในปริมาณมากเกินไป

    • การใช้ในปริมาณมากเกินไปอาจทิ้งคราบสบู่หรือคราบน้ำยาตกค้างบนพื้นผิวสเตนเลส ควรใช้เพียงเล็กน้อยแล้วล้างออก

  • อย่าขัดคราบฝังแน่นในครั้งเดียว

    • ควรทำความสะอาดเบื้องต้นก่อน โดยการล้างคราบส่วนใหญ่ให้ออกก่อน จากนั้นค่อย ๆ ขัดคราบฝังแน่นที่เหลือ เพื่อป้องกันไม่ ให้ผิวสเตนเลสเป็นรอย

การทำความสะอาดคราบและรอยเปื้อนต่าง ๆ บนสเตนเลส

  • คราบรอยนิ้วมือ

    • ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำสบู่อ่อน ๆ หรือ น้ำยาล้างจานแบบอ่อน  เช็ดเบา ๆ  แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด  จากนั้นเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม เพื่อไม่ให้เกิดรอยน้ำทิ้งไว้บนพื้นผิว 

  • คราบน้ำมันและจาระบี

    • ​ล้างด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ หรือใช้น้ำยาล้างจานแบบอ่อน นำผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดแล้วเช็ดคราบออก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด และเช็ดให้แห้ง แนะนำให้แช่ในน้ำอุ่นสักครู่ก่อนล้างจะช่วยให้คราบหลุดง่ายขึ้น

  • คราบสีและคราบปากกาเคมี

    • ​ใช้ผ้านุ่มหรือแปรงขนไนลอนชนิดนุ่ม ชุบด้วยน้ำมันสน หรือ "ทินเนอร์" (ที่ใช้สำหรับเช็ดล้างสี)  เช็ดคราบออกเบา ๆ  แล้วล้างออกด้วยน้ำ สะอาดและเช็ดให้แห้ง

  • คราบเขม่าและคราบอาหารที่ติดแน่น

    • ใช้น้ำยาล้างจาน หรือ น้ำยาทำความสะอาดคราบมัน เช็ดคราบออกให้หมด จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม

  • รอยเปลี่ยนสีจากความร้อน

    • ใช้แผ่นขัดที่ไม่มีส่วนผสมของโลหะ และใช้น้ำยาขัดเงาโลหะ ขัดคราบรอยเปลี่ยนสีออก  โดยขัดไปในทิศทางเดียวกับลายเส้น        ของสเตนเลสแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง

  • คราบจากสติ๊กเกอร์และฉลาก

    • แช่บริเวณที่มีฉลากหรือติดสติ๊กเกอร์ในน้ำร้อน เพื่อให้คราบกาวอ่อนตัว จากนั้นค่อยๆลอกออก  และใช้แอลกอฮอล์   อาทิเช่น         แอลกอฮอล์ทำความสะอาดแผล เช็ดคราบกาวออก ล้างด้วยน้ำสบู่แล้วเช็ดให้แห้ง

  • คราบน้ำและตะกรัน

    • ใช้น้ำส้มสายชูเจือจาง โดย ผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำในอัตราส่วน 1:3 ส่วน แล้วแช่คราบไว้ 5-10 นาทีแล้ว หลังจากนั้นล้างออก        ด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม

  • คราบจากชาและกาแฟ

    • ล้างด้วยน้ำร้อนผสมเบกกิ้งโซดา (Sodium Bicarbonate / NaHCO₃) เพื่อช่วยขจัดคราบ แล้วล้างออกด้วยน้ำสบู่ และล้างอีกครั้งด้วยน้ำสะอาดเช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่ม

  • คราบสนิม

    • หากมีคราบสนิมขึ้น สามารถใช้น้ำยาขัดสนิมที่หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น น้ำยาขัดสนิมสำหรับสเตนเลส ให้ใช้ผ้าชุบน้ำยาขัดสนิมแล้วถูคราบออก จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง และเช็ดให้แห้งหรือจะแช่บริเวณที่มีสนิมใน น้ำอุ่นผสม กรดไนตริก   (Nitric Acid / HNO₃)  เจือจาง   อัตราส่วน (9:1) ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด  หรือ หากไม่สะดวก ให้ทาคราบสนิมด้วยกรดออกซาลิก (Oxalic Acid / C₂H₂O₄) ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด และเช็ดให้แห้งหากคราบสนิม ยังไม่ออก ควรใช้แปรงหรือเครื่องขัดเพื่อช่วยทำความสะอาด

bottom of page